Image

“ภาษี” อาจเป็นเรื่องที่หลายคนคิดว่ายุ่งยาก โดยเฉพาะมือใหม่ที่ยังไม่เคยยื่นภาษีมาก่อน อาจมีคำถามและข้อสงสัยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนของเราต้องจ่ายภาษีหรือไม่? จ่ายภาษีอย่างไร? แล้วเงินภาษีส่วนเกินที่จ่ายไปนั้นจะได้คืนหรือเปล่า?

บทความนี้จะมาช่วยคลายความสงสัยและตอบทุกคำถามเรื่องการจ่ายภาษีประจำปีให้ผู้ประกอบการที่ต้องการรู้สิทธิลดหย่อนภาษีอย่างเข้าใจง่าย 

ทำความรู้จักกับคำว่า “ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา”

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือ ภง.ด. คือ เงินที่รัฐเรียกเก็บจากผู้มีรายได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ โดยปกติจะเรียกเก็บเป็นรายปี ซึ่งผู้มีรายได้มีหน้าที่ต้องแสดงเอกสารที่เราเรียกว่าแบบชำระภาษีเพื่อทำการจ่ายภาษีให้แก่รัฐในช่วงเวลาที่กำหนด คือตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมจนถึง 31 มีนาคมของทุกปี

มือใหม่ยื่นภาษีครั้งแรก ทำอย่างไรให้ได้เงินคืน

ตามกฎหมายกำหนดไว้ว่าบุคคลใดก็ตามที่ “มีรายได้เกิน 50,000 บาท” ขึ้นไปต่อปี ต้องยื่นแบบชำระภาษีด้วย เพราะฉะนั้นใครที่รู้ตัวว่าตนเองมีรายได้เกินปีละ 50,000 บาท ก็ต้องเตรียมตัวยื่นแบบชำระภาษีได้เลยค่ะ แต่จะต้องจ่ายภาษีเท่าไรนั้นเรามาดูตารางด้านล่างนี้ประกอบไปพร้อมกันนะคะ



จากตารางจะเห็นได้ว่าผู้ที่มีรายได้ต่อปีตั้งแต่ 0-150,000 บาท เป็นกลุ่มเดียวที่ได้รับการยกเว้นภาษี นั่นคือถึงแม้ว่าเราจะมีรายได้เกิน 50,000 บาทต่อปีและต้องทำการยื่นแบบตามที่กฎหมายกำหนด แต่หากรายได้รวมของเราไม่เกิน 150,000 บาท เราก็ไม่ต้องจ่ายภาษีเพราะได้รับการยกเว้นนั่นเองค่ะ

ตัวอย่างเช่น เอ เด็กจบใหม่เพิ่งเริ่มทำงานโดยมีฐานเงินเดือน 9,000 บาท เมื่อคำนวณเงินได้ต่อปี เอจะมีรายได้ทั้งหมด 9,000x12 = 108,000 บาท เมื่อถึงเวลาการยื่นภาษี เอต้องทำการยื่นแบบตามที่กฎหมายกำหนด แต่เนื่องจากรายได้ต่อปีของเอไม่เกิน 150,000 บาท จึงไม่ต้องจ่ายภาษีในปีนั้น

หรืออีกกรณีหนึ่ง นายบี มีฐานเงินเดือนอยู่ที่ 18,000 บาท เมื่อคำนวณเงินได้ต่อปี นายบีจะมีรายได้ทั้งหมด 18,000x12 = 216,000 บาท ซึ่งอยู่ในกลุ่มที่ต้องเสียภาษี 5% แต่ประเทศไทยของเราคิดภาษีแบบขั้นบันได เพราะฉะนั้นต้องนำเงินของนายบีมาหักลบส่วนที่ได้รับการยกเว้นภาษีออกไปก่อน นั่นคือ 216,000-150,000 = 66,000 บาท เพราะฉะนั้นถึงจะมองเผินๆ เหมือนว่านายบีต้องจ่ายภาษี แต่จริงๆ แล้วเมื่อหักลบส่วนที่ได้รับการยกเว้นออกไป รายได้รวมต่อปีของนายบีจะอยู่ในขั้นที่ได้รับการยกเว้นภาษี ดังนั้นนายบีก็ต้องยื่นแบบตามที่กรมสรรพากรกำหนดเท่านั้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องเสียภาษี

Image

อย่างไรก็ตามรัฐยังได้กำหนดตัวช่วยที่เรียกว่า “รายการลดหย่อนภาษี” เพื่อช่วยลดภาระในการจ่ายภาษีประจำปีสำหรับผู้ที่มีความจำเป็นด้านต่างๆ ขึ้นมาอีกด้วย เราลองมาดูกันดีกว่าว่ารายการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้นมีหลักเกณฑ์อะไรบ้าง

รายการลดหย่อนภาษี ตัวช่วยสำหรับการยื่นภาษีให้ได้เงินคืน

  1. ลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
  2. คู่สมรส (ที่ไม่มีเงินได้) 60,000 บาท
  3. บุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย คนละ 30,000 บาท
  4. บิดามารดาที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป (มีเงินได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี) คนละ 30,000 บาท
  5. บิดามารดาของคู่สมรสที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป (มีเงินได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี) คนละ 30,000 บาท
  6. ค่าอุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือคนทุพพลภาพ คนละ 60,000 บาท
  7. ค่าเบี้ยประกันชีวิต (กรมธรรม์ต้องมีอายุ 10 ปีขึ้นไป) ลดหย่อนได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท
  8. เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่จ่ายเข้ากองทุนไปในปีที่ชำระภาษี ลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท
  9. เงินลงทุนในกองทุน RMF และ LMF ได้รับยกเว้นไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมิน และเมื่อรวมกับการใช้เบี้ยประกันลดหย่อนหรือเงินลดหย่อนจากกองทุนอื่นๆ แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท
  10. ดอกเบี้ยเงินกู้อสังหาริมทรัพย์ ลดหย่อนได้จริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
  11. เงินสมทบประกันสังคม ลดหย่อนตามจริง
  12. เงินลดหย่อนอื่นๆ ตามนโยบายของรัฐ เช่น โครงการช้อปช่วยชาติ เป็นต้น

ข้อมูลอ้างอิงจาก: กรมสรรพากร www.rd.go.th/

เอกสารที่ต้องใช้ประกอบการยื่นภาษี

  1. หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือ 50 ทวิ
  2. เอกสารทางการเงินอื่นๆ เช่น บิลชำระเบี้ยประกันหรือดอกเบี้ยเงินกู้อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ซึ่งจะต้องใช้ในการกรอกจำนวนเงินลดหย่อนภาษีและแนบไปเป็นหลักฐานในการลดหย่อนภาษีกับกรมสรรพากร


แนวทางการยื่นภาษีและการคำนวณรายการลดหย่อนภาษีในเบื้องต้นที่กล่าวมา ความจริงแล้วเป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย เพียงเข้าใจอัตราภาษีแบบขั้นบันไดและรู้สิทธิการลดหย่อนภาษีของตัวเอง เพียงเท่านี้เราก็สามารถคำนวณภาษีที่ต้องจ่ายในแต่ละปีได้แบบง่ายๆ